เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมได้มีโอกาศไปเที่ยวฮ่องกงกับเพื่อนอีกสิบคน!!! ใช่แล้วสิบคน ตอนที่จองตั๋วล่วงหน้ากันก็ไม่คิดว่าจำนวนคนที่ไปจะเยอะขนาดนี้ เราแพลนว่าจะไปที่ที่ทุกคนต้องไป แต่ถ้าใครจะอยากแยกตัวไปที่อื่นก็ตามสบายแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางก็เริ่มสนุกแล้วเราเดินทางมาถึงมาเก๊าตอนหกโมงเย็นและต้องนั่งเรือไปฝั่งฮ่องกงอีกแต่ระหว่างทางที่เราเดินจากสนามบินไปท่าเรือนี่สิ พวกเรา 11 คนเดินลากกระเป๋าเดินทางเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ เสียงกระเป๋าที่ลากก็เสียงดังตอนนั้นท้องฟ้าเริ่มมืดดังนั้นพวกเราจะต้องรีบทำเวลาเพราะเราหิวกันมากๆ โดยกว่าเราจะนั่งไปถึงฝั่งฮ่องกงด้วยเรือด่วนก็เกือบๆห้าทุ่มแล้ว
เมื่อถึงฝั่งฮ่องกงเราก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองซ่งตรงนี้ขอบอกว่าไม่น่าประทับใจเลย เจ้าหน้าที่หน้าเหวี่ยงไม่มีมรรยาท แถมโยนพาสปอตใส่อีกตอนนั้นคืออารมณ์เสียสุดๆ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่นั้นแต่สำหรับคนไทยอย่างเราแล้วรับไม่ได้จริงๆ เสร็จจากด่านเราก็มุ่งหน้าสู่รถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งเราซื้อบัตรเหมาในราคา 200 ดอลลา ซึ่งใช้ได้กับทุกการขนส่งของฮ่องกง รถไฟใต้ดินที่นี้เวลาวิ่งจะมีลมพัดเข้ามาทำให้รู้สึกเหมือนนั่งรถบัสเลยซึ่งมันก็แปลกดี เมื่อออกจากรถไฟใต้ดินที่สถานีเกาลูนเราก็ตามหาที่พักซึ่งเป็นคอนโดเปิดเช่า ที่นั้นอารมณ์เหมือนแฟลตดินแดงแถวบ้านเราแต่ดีกว่า ของกินแถวนั้นเพียบไม่ต้องกลัวอดและแน่นอนที่นั้นมี 7-11 โดยของกินก็แตกต่างจากที่ไทยเป็นของกินแบบจีนๆแต่ที่ชอบมากคือเบียร์เพราะถูกกว่าน้ำเปล่า ป้าที่เป็นพนักงานที่ 7-11 ร้านประจำของเรามักจะถอนเงินผิดๆถูกๆซึ่งดูแกก็ไม่ได้เดือนร้อนอะไร อถมถุงก็ไม่ให้ถ้าจะเอาต้องเสียเงินเพิ่ม
เก็บข้าวเก็บของเสร็จเราก็มุ่งหน้าหาของกินต่อ ซึ่งมื้อแรกของเราได้กินบะหมี่ที่เยอะมากแถมเผ็ดแต่อร่อยดี คุรพี่เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็ได้แต่จิ้มๆเมนูเอาซึ่งก็อ่านไม่ออกเพราะเป็นภาษาจีน
วันที่สองเราเดินทางโดยกระเช้าเพื่อไปที่วัดพระใหญ่ ซึ่งกระเช้าที่ว่าสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะสูงมากแต่พอนั่งไปเรื่อยๆขอบอกว่ามันสูงและเสียวมากจริงเพราะเราไม่รู้จุดสิ้นสุดได้แต่ไต่ไปบนความสูงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายเราก็จะเห็นพระใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาซึ่งเราต้องเดินขึ้นไปอีกโดยระหว่างทางก็จะมีร้านและกิจกรรมให้ทำ (ขอบอกว่าคนไทยเยอะมาก อย่าคิดที่จะนินทานะจ๊ะ รู้หมด!!)
ไหว้พระเสร็จเราก็เดินทางไปดิสนีย์แลนต่อ โดยรถไฟขบวนที่แสนจะน่ารักแต่ไปถึงพวกเราไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะต้องเสียค่าเข้าและเวลาของพวกเรามีไม่พอจึงตัดสินใจที่จะกลับห้อง เพื่อพักร่างกายที่แสนจะอ่อนเพลียและเตรียมตัวที่จะไปหาร้านอร่อยๆกินกัน
อาหารเย็นเราจบที่ร้านอาหารจีนในห้างที่ต้องขอบอกว่าอร่อยที่สุดในทริปแล้ว โดยเฉพาะหมูอบที่ต้องสั่งทุกโต๊ะเลยจริงๆ แต่น่าเสียดายที่วันนั้นฝนตกเลยไม่ได้ไปเดินเล่นที่ซิมซาจุย
วันที่สามพวกเราได้ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ติดกับทะเลซึ่งจำไม่ได้ว่าชื่อวัดอะไร เราเดินทางกันด้วยรถบัสที่บ้านเราเรียกว่ารถทัวส์ มันสะดวกสบายและเป็นบริการที่น่าประทับใจแต่โชคไม่ได้เอาเสียเลยฝนตกลงมาค่อนข้างหนักเลยเป็นอุปสรรคพอสมควรแต่สุดท้ายท้องฟ้าก็กลับมาสดใส ซึ่งหลังจากนี้พวกเราตัดสินใจที่จะแยกย้ายกันไปในที่ที่อยากไป โดยฉันเลือกที่จะไปย่านช็อปปิ้งเพราะว่าไม่อยากเล่นเครื่องเล่น พอไปถึงที่นั้นต้องขอบอกว่าห้างเค้าเยอะมากจริงๆเดินไม่ถูกกันเลยทีเดียว มีแต่ของแบรนด์เนมร้านที่เราพบมากที่สุดคือ sasa เป็นร้านเครื่องสำอางค์ที่มีทุกอย่างให้คุณเลือกสรรค เราเดินไปเรื่อยอยากแวะไหนก็แวะแต่ที่ที่เราใช้เวลานานที่สุดคือ 21 forever เพราะมีถึง 6 ชั้นเดินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ สนุกมากกกกกก เริ่มหิวเลยเดินหาร้านแถวๆนั้น ก็ไปเจอกับร้านขายบะหมี่กับข้าวซึ่งเมนูแทบไม่มีผักเลยมีแต่หมูกับเนื้อแต่อร่อยดี อิ่มมากด้วย เราเดินไปตามร้านเสื้อผ้าต่างๆแต่ที่ชอบมากคืองานออกแบบของชาวฮ่องกงเอง พวกเขามีการตกแต่งร้านที่บ่งบอกถึงสไตล์ของตัวเองอย่างชัดเจนเดินเพลินมากไม่เบื่อเลย มาดูนาฬิกาอีกทีก็จะสองทุ่มแล้วเลยรีบนั่งรถไฟไปเขอกันที่เกาลูน สรุปวันนั้นเราก็กินชาบูกันจะบอกว่ากว่าจะสั่งได้ก็นาน ของก็น้อย แถมไม่ค่อยอร่อยอีก รสชาติมันเค็มๆไปซะทุกอย่างแต่เราได้ร้านเบเกอรี่ที่เปิดถึงเที่ยงคืนมาช่วยชีวิตไว้
วันที่สี่เป็นวันแห่งการช๊อปปิ้ง โชคดีนะที่เมื่อวันก่อนเดินช๊อปไปบ้างแล้วจึงทำเวลาได้ค่อนข้างน่าพอใจแต่คนอื่นนีีสิซื้อกับแทบไม่ทัน ตอนเย็นพวกเราได้ไปดูแสงสีที่อ่าวกันซึ่งไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่แต่ตอนแรกที่เดินไปเจอค่อนข้างที่จะตะลึงเพราะเหมือนประจันหน้ากับสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่เหมือนมันได้โอบล้อมเราไปหมดแล้ว ดูเสร็จเราก็ไปช็อปปิ้งต่อ โดยเราได้ว่าย่านซิมซาจุย(มั้ง)จำไม่ได้ แน่นอนพวกเราช็อปกันกระจายมากต้องแยกกันเดินยิ่งเป็นช่วงเซลล์แล้วล่ะก็ไม่พลาด เราช็อปปิ้งกันจนเกือบไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายวิ่งกันเหนื่อยมากแต่ตื่นเต้นดี ฮ่าๆๆๆ พอได้ของก็เอามาโชว์กันซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าของใครเป็นของใคร
คืนนี้เราจบด้วยร้านอาหารแถวที่พักที่เจ้าของร้านใจดีมาก ลดราคาให้พวกเราแถมคุยสนุกซะด้วย
วันสุดท้ายเราต้องรีบเดินทางไปมาเก๊าเพื่อไปเวเนเชี่ยนแต่ฝนก็ตกอีกแล้ว ค่อนข้างจะเป็นอุปสรรคกับการเดินทาง ถถึงเวเนเชี่ยนเราก็ช็อปปิ้งกันต่อแต่ที่นี่เราจะได้เห็นบ่อนที่เขาเล่นการพนันกัน ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็น มันก็ดูสนุกดีนะแต่ไม่ขอเล่นดีกว่า
สุดท้ายแล้วเราก็เดินทางกลับกันมาโดนสวัสดิภาพพร้อมความทรงจำที่แสนสนุกที่ครั้งหนึ่งเราได้ไปเที่ยวกับเพื่อนถึงสิบคน เป็นทริปที่พูดมาก มากแบบไม่เกร็งใจคนฮ่องกง นินทาเขาไปเรื่อย เล่นเกมส์ทำแต้มกันแต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ผู้ชนะ ฮ่าๆๆๆ ที่ประทับคือในทุกๆวันหลังจากเที่ยวเสร็จเราจะกลับมาที่ห้องมาพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะ จริงๆแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว อยากไปเที่ยวแบบนี้อีกบ้างจัง หวังว่าปีหน้าคงมีอีกนะ :)
No comments:
Post a Comment